ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น
ของบริษัท ที.ซี.เค. อินเตอร์เนชันแนล จำกัด
บริษัท ที.ซี.เค. อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะผู้ใช้เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัท บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่าน โปรดอ่านและทำความเข้าใจประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัทนี้เพื่อรับทราบวัตถุประสงค์ที่บริษัท ได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล ตลอดจนสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (รวมทั้งที่แก้ไขเพิ่มเติม) กฎกระทรวง ประกาศ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง (“พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ดังต่อไปนี้
1. นิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” | หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น |
“ข้อมูลอ่อนไหว” | หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทาง การเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพ แรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือ ภาพสแกนใบหน้า หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน |
“บริษัท” | หมายถึง บริษัท ที.ซี.เค. อินเตอร์เนชันแนล จำกัด |
“ประกาศ” | หมายถึง ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัท ที.ซี.เค. อินเตอร์เนชันแนล จำกัด |
“ท่าน” | หมายถึง ผู้ใช้เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัท |
“เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น” | หมายถึง เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น เว็บแอพพลิเคชั่น หรือโปรแกรมใดๆ ที่พัฒนาโดยบริษัทหรือผู้ที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัท โดยเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น เว็บแอพพลิเคชั่น หรือโปรแกรมๆใด มีไว้เพื่อให้บริการต่างๆ กับท่าน ไม่ว่าจะเป็น การให้ข้อมูลบริษัท ช่องทางการติดต่อ เป็นต้น ตามจุดมุ่งหมายของแต่ละเว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นนั้นๆ |
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
2.1 การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะกระทำโดยมีวัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างจำกัด และเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเท่านั้น
2.2 บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่
2.2.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย
2.2.2 เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ทำการเก็บรวบรวมจากท่านหรือจากแหล่งอื่นที่บริษัทมีสิทธิตามกฎหมายก่อนที่พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลบังคับใช้
2.2.3 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
2.2.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท
2.2.5 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น หรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนตัวของท่าน
2.2.6 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัย หรือสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทจะไม่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว (ตามที่ได้นิยามไว้ข้างต้น) โดยไม่ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เว้นแต่
2.2.6.1 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่าน ซึ่งท่านไม่สามารถให้ความยินยอมได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม
2.2.6.2 เป็นการดำเนินกิจกรรมโดยชอบด้วยกฎหมายที่มีการคุ้มครองที่เหมาะสมของมูลนิธิสมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเมือง ศาสนา ปรัชญา หรือสหภาพแรงงานให้แก่สมาชิก ผู้ซึ่งเคยเป็นสมาชิก หรือผู้ซึ่งมีการติดต่ออย่างสม่ำเสมอกับมูลนิธิ สมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นออกไปภายนอกมูลนิธิสมาคม หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรนั้น
2.2.6.3 เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมโดยชัดแจ้งของท่าน
2.2.6.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
2.2.6.5 เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
2.2.6.6 เป็นการจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับ
(ก) เวชศาสตร์ป้องกัน หรืออาชีวเวชศาสตร์การประเมินความสามารถในการทำงานของลูกจ้าง การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์ การให้บริการด้านสุขภาพ หรือด้านสังคม การรักษาทางการแพทย์ การจัดการด้านสุขภาพ หรือระบบ และการให้บริการด้านสังคมสงเคราะห์ ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่ใช่การปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพ หรือผู้มีหน้าที่รักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้เป็นความลับตามกฎหมาย ต้องเป็นการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านกับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์
(ข) ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดที่อาจติดต่อ หรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร หรือการควบคุมมาตรฐาน หรือคุณภาพของยาเวชภัณฑ์ หรือเครื่องมือแพทย์ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเจาะจง เพื่อคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของท่าน โดยเฉพาะการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลตามหน้าที่ หรือตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ
(ค) การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมายการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือการคุ้มครองทางสังคม ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นในการปฏิบัติตามสิทธิ หรือหน้าที่ของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของท่าน โดยได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของท่าน
(ง) การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ หรือประโยชน์สาธารณะอื่น ทั้งนี้ ต้องกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของท่านตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
(จ) ประโยชน์สาธารณะที่สำคัญโดยจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานและประโยชน์ของท่าน
2.3 ทั้งนี้ บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ตามข้อ 2.1 ได้ ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้หากบริษัทได้ร้องขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ หรือจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอก่อนเข้าทำสัญญา
2.4 บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวจากท่าน ยกเว้น
2.4.1 เป็นกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือ
2.4.2 กรณีอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด
3. การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับมา เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของท่านได้ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความสมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับความยินยอมจากท่านก่อน
4. วัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล
4.1 บริษัทเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวกับท่าน ซึ่งได้แก่
4.1.1 เพื่อใช้ในการให้บริการตามจุดมุ่งหมายของเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัท
4.1.2 เพื่อใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัท เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของท่าน
4.1.3 เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาด เช่น การเสนอขายสินค้าของบริษัทให้กับท่าน เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมสำหรับวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดก่อนที่บริษัทจะเริ่มดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ตามข้อ 4.1.3 นี้ โดยท่านมีสิทธิที่จะไม่ให้ความยินยอมกับบริษัทในวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดได้ และการไม่ให้ความยินยอมดังกล่าว จะไม่กระทบกับการให้บริการในส่วนอื่นของบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการตลาดดังกล่าว
4.2 หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ และขอความยินยอมจากท่านในภายหลัง
5. ข้อจำกัดในการใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
5.1 บริษัทจะใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามความยินยอมของท่าน โดยจะต้องเป็นการใช้และเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ของการเก็บ รวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทได้แจ้งก่อนหรือในขณะที่เก็บหรือรวบรวมเท่านั้น
5.2 บริษัทจะดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้เก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือทำให้ปรากฏในลักษณะอื่นใดซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ หรือต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่ได้รับยกเว้นตามที่กำหนดไว้ในข้อ 2.2
5.3 ในบางกรณีบริษัทอาจกำหนดให้บุคคลหรือนิติบุคคล ที่เป็นผู้รับจ้างของบริษัท เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยของข้อมูลของท่าน โดยห้ามบุคคลดังกล่าวนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้นอกเหนือจากที่บริษัทกำหนดให้บุคคลดังกล่าวดำเนินการ
5.4 บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกจากท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในข้อ 4. ท่านมีหน้าที่แจ้งและขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าว เพื่อให้บริษัทสามารถใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกนั้น ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทระบุไว้ได้ หากบริษัททราบในภายหลังว่าท่านเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอม บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกนั้นๆ
6. การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก
บริการบนเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของบริษัทอาจมีการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์ม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นอื่นที่มีบุคคลภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ บริษัทพยายามที่จะเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ที่มีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในเนื้อหาหรือมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นอื่นนั้น เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่ท่านให้แก่เว็บไซต์หรือของบุคคลภายนอกนั้นจะถูกเก็บรวบรวมโดยบุคคลดังกล่าว และอยู่ภายใต้ประกาศหรือนโยบายเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลภายนอกดังกล่าว (หากมี) ในกรณีเช่นว่านี้ บริษัทไม่อาจควบคุมและไม่อาจรับผิดชอบในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลภายนอกดังกล่าว
7. นโยบายเกี่ยวกับการใช้คุกกี้
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้คุกกี้บนเว็บไซต์ทางการของบริษัท จะถูกกล่าวถึงในนโยบายเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของบริษัท ซึ่งจะประกาศให้ท่านได้ทราบบนเว็บไซต์ทางการของบริษัท โดยท่านสามารถอ่านและทำความเข้าใจ รวมถึงควบคุมการใช้คุกกี้ของเว็บไซต์นั้นๆ ได้ผ่านเครื่องมือบนเว็บไซต์ทางการของบริษัทนั้นๆ หรือวิธีการต่างๆ ตามที่ได้อธิบายในนโยบายเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของบริษัท
8. การรักษาความปลอดภัย
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่มีสิทธิ หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
9. การทบทวนแนวปฏิบัติ และนโยบายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีนโยบายปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะทบทวนประกาศนี้ หรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เป็นประจำทุกปี หรือระยะเวลาอื่นใดที่บริษัทเห็นสมควร เพื่อให้ประกาศหรือเอกสารอื่นใด รวมไปถึงแนวปฏิบัติ เป็นไปตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ที่บังคับใช้ ณ ช่วงเวลานั้น
10. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
10.1 ท่านสามารถขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทกำหนด หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามคำสั่งของศาล (สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล)
10.2 ท่านมีสิทธิตรวจดูความมีอยู่ ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล วัตถุประสงค์ของการนำข้อมูลไปใช้ของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิของท่านได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทำให้ไม่ปรากฎชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้อีก (สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล)
10.3 หากท่านเห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนของท่านไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด หรือแต่บางส่วนนั้นได้ ในการนี้ บริษัทจะจัดทำบันทึกคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือกระทำการใดๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นหลักฐานด้วย ในกรณีที่ท่านเสียชีวิต เมื่อมีคำสั่งจากศาล บริษัทจะอนุญาตให้ผู้สืบสิทธิ และ/หรือทายาทโดยธรรมของท่านมาแจ้งความประสงค์ขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ (สิทธิในการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง) (สิทธิในการลบข้อมูล)
10.4 ท่านมีสิทธิในการแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการชั่วคราวก็ได้ ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาไม่ดำเนินการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก็ได้ หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจำเป็นต่อการปฎิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย หน้าที่ตามสัญญา หรือหน้าที่ตามข้อผูกพันใดๆ ที่บริษัทมีอยู่ในขณะที่ท่านขอใช้สิทธิในข้อนี้ (สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูล)
10.5 หากท่านไม่เห็นด้วยกับฐานการประมวลผลที่บริษัทพิจารณาใช้ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นฐานภารกิจของรัฐ ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือฐานใดๆ ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลของบริษัทได้ (สิทธิในการคัดค้านการประมวลผล)
10.6 ท่านมีสิทธิในการขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทมีอยู่ในขณะที่ท่านใช้สิทธิให้กับบุคคลใดก็ได้ ทั้งนี้ บริษัทไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายในการพิจารณาถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามที่เป็นผู้รับโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามคำขอการใช้สิทธิของท่าน แต่บริษัทจะใช้ความพยายามโดยสมควรเพื่อให้ท่านมั่นใจว่าผู้รับโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามข้อนี้จะมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่น้อยไปกว่าของบริษัท โดยบริษัทจะปฏิเสธการทำตามคำขอของท่านในข้อนี้เพียงกรณีที่การใช้สิทธิของท่านไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น (สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล)
10.7 หากบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยใช้ฐานความยินยอม ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ แต่ทั้งนี้ หากบริษัทพิจารณาดำเนินการถอนความยินยอมตามที่ท่านร้องขอ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านใดๆ ที่บริษัทได้ดำเนินการไปก่อนที่ท่านจะแจ้งถอนความยินยอม (สิทธิในการถอนความยินยอม)
11. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี นับจากวันที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่าน โดยเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าว บริษัทจะทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิที่จะร้องขอให้บริษัททำลาย และขอหลักฐานการทำลายข้อมูลสิทธิส่วนบุคคลของท่านได้ก่อนสิ้นระยะเวลาดังกล่าวไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ตามวิธีการและเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด
12. ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งทำหน้าที่ควบคุมข้อมูล
บริษัทจะมีระเบียบ คำสั่ง ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ หรือคำสั่งที่กำหนดไว้ เพื่อให้การดำเนินงานตามแนวนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทเป็นไปตามมาตรฐานของประกาศฉบับนี้
13. ช่องทางการติดต่อ
หากท่านประสงค์ที่จะสอบถามใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับประกาศฉบับนี้ หรือใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางด้านล่างนี้โดยมีรายละเอียดการติดต่อของบริษัทแยกบริษัทตามที่ระบุไว้ในตารางแนบท้ายประกาศนี้
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer)
ที่อยู่ 518/5 อาคารมณียา เซ็นเตอร์ ชั้นที่ 16 ถนนเพลินจิต ลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โทร 02-6805800 อีเมล dpo@tckinter.com